ความหนากระเบื้อง เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการใช้งาน
การเลือกกระเบื้องสำหรับปูพื้นหรือผนังไม่ได้ขึ้นอยู่กับดีไซน์หรือสีสันเท่านั้น แต่ความหนากระเบื้องเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อความแข็งแรง ทนทาน และอายุการใช้งาน หากเลือกผิดอาจทำให้กระเบื้องแตกร้าว หรือรองรับน้ำหนักไม่เพียงพอ แล้วควรเลือกกระเบื้องหนากี่มิล? ปูกระเบื้องหนากี่เซน? มาหาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้
ความหนากระเบื้องสำคัญอย่างไร
ความหนาของกระเบื้องส่งผลโดยตรงต่อการรองรับน้ำหนักและการติดตั้ง หากเลือกกระเบื้องบางเกินไปสำหรับพื้นที่ที่ต้องรับแรงกระแทกบ่อย ๆ หรือพื้นที่ที่มีการสัญจรหนาแน่น เช่น ห้องโถง ทางเดิน หรือพื้นที่จอดรถ อาจเกิดการแตกร้าวได้ง่าย ในขณะที่กระเบื้องที่มีความหนามากขึ้นจะมีความแข็งแรง แต่ก็ต้องพิจารณาว่าพื้นที่มีโครงสร้างรองรับน้ำหนักเพียงพอหรือไม่ ดังนั้น การเลือกความหนาของกระเบื้องจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายประการ เพื่อให้ได้กระเบื้องที่เหมาะสมกับการใช้งานและสภาพแวดล้อมของพื้นที่นั้น ๆ
ความหนากระเบื้องประเภทต่าง ๆ
เมื่อพูดถึงความหนากระเบื้อง แต่ละประเภทมีขนาดความหนาที่แตกต่างกันตามการใช้งาน ซึ่งส่งผลต่อความทนทานและอายุการใช้งาน มาดูตัวอย่างความหนากระเบื้องที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน
- กระเบื้องพอร์ซเลน หนาประมาณ 6-20 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความแข็งแรงสูง
- กระเบื้องเซรามิก หนาประมาณ 6-10 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ใช้ได้ทั้งพื้นและผนัง
- กระเบื้องยาง มีความหนาตั้งแต่ 2-5 มิลลิเมตร ยืดหยุ่นสูง เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการลดแรงกระแทก
- กระเบื้องแกรนิตโต้ หนาประมาณ 8-12 มิลลิเมตร แข็งแรงและทนต่อแรงกระแทก
เลือกความหนากระเบื้อง ต้องดูอะไรบ้าง
การเลือกความหนากระเบื้องที่เหมาะสมต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เพื่อให้ได้พื้นผิวที่สวยงามและคงทนตามการใช้งาน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ประเภทของกระเบื้อง
การเลือกความหนากระเบื้องขึ้นอยู่กับประเภทของกระเบื้องด้วย ถ้าต้องการกระเบื้องหนา ๆ เพื่อความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ อาจจะต้องพิจารณากระเบื้องพอร์ซเลน หรือกระเบื้องหินธรรมชาติ เพราะโดยทั่วไปแล้ว กระเบื้องสองประเภทนี้จะมีตัวเลือกความหนาให้เลือกมากกว่ากระเบื้องเซรามิก ทำให้กระเบื้องมีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทก และรับน้ำหนักได้มากขึ้น
2. พื้นที่การใช้งาน
พื้นที่การใช้งานเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดความหนากระเบื้องที่เหมาะสม บริเวณที่มีการสัญจรหนาแน่นหรือต้องรับน้ำหนักมาก เช่น โรงรถ ทางเดิน หรือพื้นที่วางเครื่องจักร จำเป็นต้องใช้กระเบื้องที่มีความหนามากกว่าปกติ ประมาณ 12-20 มิลลิเมตร เพื่อป้องกันการแตกร้าวและการทรุดตัว
ในขณะที่พื้นที่ใช้งานทั่วไปภายในบ้าน เช่น ห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น สามารถใช้กระเบื้องที่มีความหนา 8-12 มิลลิเมตรได้ ส่วนห้องน้ำอาจเลือกใช้กระเบื้องเซรามิกที่บางลงเพื่อลดน้ำหนักและง่ายต่อการติดตั้ง
3. ขนาดพื้นที่ของห้อง
ขนาดพื้นที่ของห้องก็มีผลต่อการเลือกความหนากระเบื้องเช่นกัน หากเป็นห้องขนาดใหญ่ อาจเลือกใช้กระเบื้องที่มีความหนามากขึ้น เพื่อความแข็งแรงและทนทาน เนื่องจากพื้นที่ขนาดใหญ่อาจจะต้องรองรับเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมาก ส่วนห้องขนาดเล็กสามารถใช้กระเบื้องที่บางลงเพื่อความสะดวกในการติดตั้ง
4. ปูใหม่ หรือปูทับพื้นเดิม
ในกรณีที่ต้องการปูทับพื้นเดิม ควรเช็กระยะห่างของขอบประตูกับพื้นเดิมให้ดี เพราะเมื่อปูกระเบื้องทับไปแล้ว พื้นจะสูงขึ้นอีกประมาณ 2-3 เซนติเมตร ซึ่งอาจทำให้ประตูเปิด-ปิดไม่ได้ หรือเปิดได้ไม่สุด ดังนั้น แนะนำให้เลือกกระเบื้องที่บางลงเพื่อลดระดับความสูงของพื้นและป้องกันปัญหาบานประตูติดกับพื้น แต่ถ้าเป็นการปูกระเบื้องใหม่สามารถเลือกความหนาตามต้องการได้เลย
5. งบประมาณ
การพิจารณางบประมาณต้องครอบคลุมทั้งค่าวัสดุและค่าติดตั้ง กระเบื้องที่มีความหนามากมักมีราคาสูง อาจต้องใช้วัสดุรองพื้นและกาวซีเมนต์มากขึ้น รวมถึงอาจต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญเฉพาะทาง ซึ่งมีค่าแรงสูงกว่า ดังนั้นควรคำนึงถึงงบประมาณก่อนเลือกความหนากระเบื้อง หากต้องการลดค่าใช้จ่าย สามารถเลือกกระเบื้องที่บางลงแต่ยังคงมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งานได้
สรุปบทความ
ความหนากระเบื้องเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การเลือกความหนาที่เหมาะสมต้องพิจารณาหลายองค์ประกอบ ทั้งประเภทกระเบื้อง พื้นที่การใช้งาน ขนาดห้อง วิธีการติดตั้ง และงบประมาณ เพื่อให้ได้พื้นผิวที่สวยงาม คงทนตลอดอายุการใช้งาน และงบไม่บานปลาย
หลังจากเลือกความหนากระเบื้องที่เหมาะสมได้แล้ว อย่าลืมแวะมาเลือกซื้อวัสดุเก็บงานขอบกระเบื้องให้สวยงามอย่างคิ้วกระเบื้องคุณภาพดีจาก Alusite เราจัดจำหน่ายครบทั้งคิ้วกระเบื้องยาง คิ้วกระเบื้องอลูมิเนียม คิ้วกระเบื้องสแตนเลส และคิ้วกระเบื้องรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมาย ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี เลือกซื้อวันนี้ พร้อมจัดส่งทั่วประเทศ!