แชร์เทคนิคเลือกกระเบื้องปูพื้นในบ้านง่าย ๆ ควรดูอะไรบ้าง
กระเบื้องปูพื้นในบ้านสามารถสร้างความสวยงามให้กับพื้นที่ แต่การเลือกกระเบื้องที่เหมาะสม นอกจากคำนึงถึงความสวยแล้ว ต้องให้ความสำคัญกับความทนทานและการใช้งานในระยะยาวด้วย เพราะการเปลี่ยนกระเบื้องใหม่นั้นทั้งยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจหลักการเลือกกระเบื้องปูพื้นในบ้านให้เหมาะกับการใช้งานกัน
กระเบื้องปูพื้นในบ้านที่ดี ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
คุณสมบัติกระเบื้องปูพื้นภายในที่ดีต้องตอบโจทย์ทั้งความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย ดังนี้
- มีความแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ดี ไม่แตกร้าวง่าย และทนต่อการขูดขีด สามารถใช้งานได้ยาวนานโดยไม่เสื่อมสภาพ
- พื้นผิวกระเบื้องควรทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นรอยด่างหรือคราบฝังแน่น ช่วยประหยัดเวลาในการดูแลรักษา
- ปลอดภัยในการใช้งาน ไม่ลื่นจนเกินไป โดยเฉพาะในพื้นที่เปียกชื้นอย่างห้องน้ำหรือห้องครัว เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
- ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม มีขนาดและความหนาสม่ำเสมอ ทำให้การติดตั้งสวยงามและคงทน
10 วิธีเลือกกระเบื้องปูพื้นภายในบ้าน
ต่อไปมาดูกันว่า การเลือกกระเบื้องปูพื้นในบ้านให้เหมาะสมนั้นมีปัจจัยอะไรบ้างที่ควรพิจารณา เพื่อให้ได้กระเบื้องที่สวยงามและตอบโจทย์การใช้งาน
1. เลือกชนิดของกระเบื้อง
การเลือกชนิดของกระเบื้องปูพื้นในบ้านเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ เพราะกระเบื้องแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน ปัจจุบันมีกระเบื้องให้เลือกหลากหลายประเภท เช่น
- กระเบื้องเซรามิก เหมาะสำหรับพื้นที่ใช้งานทั่วไป ราคาประหยัด มีให้เลือกหลากหลายลวดลาย
- กระเบื้องยาง ติดตั้งง่าย นุ่ม เดินสบาย มีลวดลายให้เลือกเยอะ
- กระเบื้องพอร์ซเลน ทนทานสูง เหมาะกับพื้นที่ใช้งานหนัก มีความสวยงามเป็นธรรมชาติ
- กระเบื้องแกรนิตโต้ แข็งแรง ทนทาน เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ มีลวดลายสวยงาม
- กระเบื้องหินธรรมชาติ สวยงามเป็นเอกลักษณ์ แต่ต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ
2. เลือกกระเบื้องปูพื้นเท่านั้นสำหรับพื้น
สิ่งสำคัญคือ ควรใช้กระเบื้องที่ออกแบบมาสำหรับปูพื้นโดยเฉพาะ เช่น กระเบื้องพอร์ซเลนและกระเบื้องแกรนิตโต้ ซึ่งมีความหนาและความแข็งแรงเพียงพอที่จะรองรับน้ำหนักและแรงกระแทกจากการใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ควรนำกระเบื้องสำหรับบุผนังมาปูพื้นโดยเด็ดขาด เนื่องจากมีความแข็งแรงที่แตกต่างกันและอาจเกิดความเสียหายได้ง่าย
3. เลือกผิวสัมผัสกระเบื้อง
การเลือกผิวสัมผัสกระเบื้องปูพื้นในบ้านให้เหมาะสมกับการใช้งานเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับพื้นที่ทั่วไปอย่างห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก สามารถเลือกกระเบื้องผิวมันหรือผิวด้านที่ทำความสะอาดง่าย แต่สำหรับห้องน้ำ ห้องครัว หรือระเบียงที่สัมผัสน้ำบ่อย ควรเลือกกระเบื้องที่มีผิวสัมผัสหยาบเพื่อป้องกันการลื่น ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจซื้อควรทดลองสัมผัสกระเบื้องของจริงเพื่อความมั่นใจในการใช้งาน
4. เลือกขนาดของกระเบื้อง
การเลือกขนาดกระเบื้องปูพื้นในบ้านต้องสัมพันธ์กับพื้นที่ใช้งาน กระเบื้องขนาดเล็ก เช่น 20×20 หรือ 30×30 เซนติเมตร เหมาะสำหรับห้องขนาดกะทัดรัดอย่างห้องน้ำ ขณะที่พื้นที่กว้างอย่างห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน การเลือกกระเบื้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 40×40 ถึง 60×60 เซนติเมตร จะช่วยลดรอยต่อและสร้างความต่อเนื่องให้พื้นที่ดูกว้างขวางยิ่งขึ้น
5. เลือกเกรดของกระเบื้อง
กระเบื้องปูพื้นที่ขายในท้องตลาดจะถูกแบ่งออกเป็น 2 เกรดหลักด้วยกัน คือ
- กระเบื้องปูพื้นเกรด A (Premium Grade) คือกระเบื้องที่สมบูรณ์ 100% ทั้งขนาด ความหนา พื้นผิว น้ำหนัก การดูดซึมน้ำ สีสันและลวดลายเท่ากันทุกแผ่น ไม่มีตำหนิเลย
- กระเบื้องปูพื้นเกรด B คือกระเบื้องมีตำหนิ แต่สังเกตได้ยาก อาจมีความโก่งงอ หรือมีรอยบิ่นเล็กน้อย ซึ่งราคาก็จะประหยัดกว่า เหมาะกับพื้นที่ที่ไม่จำเป็นต้องโชว์ความสวยงาม เช่น ห้องเก็บของ ใต้เคาน์เตอร์ครัว หรือใครมีงบประมาณจำกัดกระเบื้องเกรด B ถือเป็นตัวเลือกที่ดี
6. พิจารณาค่าการกันลื่นตามมาตรฐาน
ค่าการกันลื่นหรือค่า R (Slip Resistance Rating) เป็นปัจจัยสำคัญในการรับประกันความปลอดภัยขณะใช้งาน สำหรับพื้นที่ใช้งานทั่วไปภายในบ้าน ควรเลือกกระเบื้องที่มีค่า R9 ขึ้นไป ส่วนพื้นที่ที่เปียกชื้นหรือสัมผัสน้ำบ่อย วิธีเลือกกระเบื้องห้องน้ำ ควรเลือกกระเบื้องที่มีค่า R10 ขึ้นไป การตรวจสอบค่านี้จะช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม และเพิ่มความมั่นใจในการใช้งานระยะยาว
7. เลือกสีให้เข้ากับแนวการตกแต่ง
การเลือกสีกระเบื้องควรพิจารณาให้สอดคล้องกับสไตล์การตกแต่งที่ต้องการ สำหรับการตกแต่งภายใน Modern Luxury Style ควรเลือกโทนสีที่หรูหราเช่น สีขาวหินอ่อน สีเทาเข้ม หรือสีดำเงา ที่จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ทันสมัยและมีระดับ โทนสีอ่อนจะช่วยให้ห้องดูกว้างและสว่าง เหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็ก ส่วนโทนสีเข้มจะสร้างความเป็นธรรมชาติและความอบอุ่น เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ
8. คำนึงถึงความสะดวกในการดูแลรักษา
ความสะดวกในการทำความสะอาดและบำรุงรักษาเป็นปัจจัยสำคัญที่มักถูกมองข้าม กระเบื้องผิวเรียบและไม่มีร่องลึกจะทำความสะอาดได้ง่ายกว่ากระเบื้องที่มีพื้นผิวหยาบมาก รวมทั้งสีสันกระเบื้องที่ไม่เด่นจนเกินไปจะช่วยซ่อนคราบสกปรกได้ดีกว่า และกระเบื้องที่มีคุณภาพดีจะไม่ซีดจางหรือเสียสีง่าย การเลือกกระเบื้องที่ดูแลง่ายจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาระยะยาว
9. เลือกตามพื้นที่และการใช้งานเฉพาะ
แต่ละพื้นที่ในบ้านมีลักษณะการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน การเลือกกระเบื้องจึงควรคำนึงถึงคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละจุด เช่น วิธีเลือกกระเบื้องห้องน้ำควรเน้นผิวกันลื่นและไม่ดูดซึมน้ำ ส่วนห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนอาจเลือกใช้กระเบื้องผิวเงาหรือผิวด้านตามสไตล์ที่ชอบ สำหรับห้องครัวควรมีกระเบื้องที่ทนความร้อนและทำความสะอาดคราบมันได้ง่าย ขณะที่ทางเดินหรือบันไดควรใช้กระเบื้องที่มีความทนทานและช่วยลดโอกาสลื่นล้ม การเลือกกระเบื้องให้เหมาะกับฟังก์ชันของแต่ละพื้นที่ จะช่วยเพิ่มทั้งความสวยงามและความปลอดภัยในการใช้งานระยะยาว
10. พิจารณาราคาและความคุ้มค่าระยะยาว
การตั้งงบประมาณและการประเมินความคุ้มค่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญ กระเบื้องที่มีราคาสูงกว่าอาจให้ความทนทานและความสวยงามที่ยาวนานกว่า ซึ่งจะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว ควรเปรียบเทียบราคาต่อตารางเมตร คุณสมบัติ การรับประกัน และค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง นอกจากนี้ การเลือกซื้อจากผู้ขายที่เชื่อถือได้และมีบริการหลังการขายที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน
สรุปบทความ
จาก 10 วิธีเลือกกระเบื้องปูพื้นภายในบ้านข้างต้น จะเห็นว่า ต้องคำนึงถึงหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นชนิด พื้นผิว ขนาด สี ลวดลาย เกรดกระเบื้อง ค่าการกันลื่น การใช้งานในแต่ละพื้นที่ รวมถึงการเลือกสีและลวดลายให้เข้ากับสไตล์การแต่งบ้าน เพื่อให้ได้กระเบื้องที่สวยงามและตอบโจทย์การใช้งาน หลังจากเลือกกระเบื้องได้แล้ว อย่าลืมติดคิ้วกระเบื้องเพื่อเก็บความเรียบร้อยและเพิ่มความสวยงามให้กับงานปูกระเบื้อง